เมื่อแรกทราบข่าวว่าจะมีการหยิบยกเรื่องราวชีวิตของโปรเม – เอรียา และครอบครัวจุฑานุกาล มาทำภาพยนตร์นั้นต้องบอกว่าผมรู้สึกดีใจระคนหวั่นใจ ดีใจ เพราะนี่คือการนำกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่ผมรักและเล่นมาตั้งแต่เด็กมาถ่ายทอดบนแผ่นฟิลม์เป็นครั้งแรกของไทย หวั่นใจ-เพราะคนไทยกับกอล์ฟนั้นมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเจือปนด้วยมายาคติบางอย่างอยู่ กระนั้นเถอะ อย่าว่าแต่กอล์ฟเลย การหยิบกีฬามาทำหนังโดยหวังกำไรนั้นเป็นเรื่องที่ค่ายหนังระดับฮอลลีวูดส์ยังคิดแล้วคิดอีก แต่การที่ค่าย Transformation Films ตัดสินใจสร้างหนังที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหยาดเหงื่อ รอยน้ำตา และรอยยิ้มบนแฟร์เวย์ชีวิตของโปรเม และครอบครัวจุฑานุกาลนั้นก็นับว่าเป็นความกล้าหาญและความสำเร็จขั้นหนึ่งตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งก็ต้องนับว่าน่าชมเชยทีมสร้างและสปอนเซอร์ที่ ‘ใจถึง’ สร้างสรรค์ผลงานที่ผมเชื่อว่าจะต้องกลายเป็นหนังในดวงใจของใครหลายคน ไม่เฉพาะนักกีฬาเท่านั้น เพราะมันเป็นหนังที่หยิบมาดูได้ซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในโมเมนต์ไหนของชีวิต เพราะมันเป็นเครื่องตอกย้ำในบทเรียนที่คลาสสิคที่สุดบทหนึ่งของชีวิต
นั่นคือ ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาง่าย ๆ ทุกอย่างมีราคาของมันเสมอ
เบื้องหลังของไอดอลและบุคคลต้นแบบระดับโลกล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล อุปสรรค ความกดดัน และการตัดสินใจครั้งสำคัญที่เราไม่ได้เห็นมากมาย สะท้อนให้เห็นว่าในยุคสมัยที่ความสำเร็จ ชื่อเสียง ความโด่งดัง ที่เหมือนว่าจะได้มาง่าย ๆ แบบข้ามคืนนั้น ล้วนแล้วแต่มีราคาค่างวดของมันเสมอ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราพร้อมที่จะจ่ายมันหรือไม่ ราคาของความฝัน ความสำเร็จอาจหมายถึงด้วยการเสียสละบางสิ่งในชีวิต และบ่อยครั้งที่ราคาของมันก็เรียกร้องมากไปกว่าชีวิตของเราคนเดียว หากยังรวมถึงครอบครัวและคนรอบข้างของเราอีกด้วย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมหนังโปรเม-อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง จึงแซงหน้า ‘แสงกระสือ’ จากค่ายเดียวกัน กลายเป็นหนังไทยที่ผมชอบมากที่สุดในปีนี้ โดยมีเหตุผลประกอบ จำนวน 5 ข้อ ดังนี้
(ปล. ไม่ได้รับตังค์มาเขียนนะครับ รีวิวจากใจล้วน ๆ รีบไปดูรอบ Sneak Peak เลย อยากให้หนังทำเงินเยอะ ๆ)
1.หนังโปรเม ไม่ใช่แค่หนังกอล์ฟ แต่เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจที่เข้าถึงหัวใจของทุกคน
แม้จะขับเคลื่อนโครงเรื่องด้วยฉากชีวิตสำคัญของโปรเม โปรโม และครอบครัวจุฑานุกาล ตั้งแต่การฝึกซ้อมในวัยเยาว์ แข่งเยาวชน เทิร์นโปร มาจนถึงจุดพลิกผันของชีวิตใน Honda LPGA Thailand ปี 2013 แต่หัวใจสำคัญของหนังโปรเม กลับอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างโปรเม โปรโมกับพ่อซึ่งเปรียบเสมือน ‘พระเจ้าแห่งกอล์ฟ’ ที่ควบคุมแฟร์เวย์ชีวิตของลูกสาวทั้งสองให้เป็นไปตามแผนและแนวทางที่ตนเองต้องการ อันเป็นเงาสะท้อนแก่พ่อแม่หลายคนที่เคี่ยวเข็ญลูกให้เป็นอย่างที่ตนเองปรารถนา อาจเพราะต้องการใช้ลูกเป็นเครื่องมือบรรลุความฝันของตนเองหรือหวังดีต่อลูกก็สุดแล้วแต่ ความสวยงามของหนังอยู่ที่การพยายามฉายให้เห็นความโหดของพ่อที่ต้องการ ‘บ่มเพาะ’ ให้ลูก ๆ เหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นด้วยการฝึกซ้อม ฝึกซ้อม และฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงสไตล์โค้ชกอล์ฟเกาหลี (ผมเคยเห็นโค้ชเกาหลีลงไม้ลงมือกับลูกศิษย์หนักกว่านี้อีก) โดยไม่ได้สรุปว่าแนวทางของพ่อเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่หนังเสนอว่าทุกการกระทำมีราคาค่างวดของมัน และความสำเร็จที่ได้มาก็ต้องแลกด้วยการเสียสละและความสูญเสียมากมายระหว่างทางเช่นกัน อันนำมาสู่ฉากสุดท้ายที่ผมมองว่าคลี่คลายปมที่หนังผูกมาตั้งแต่ต้นเรื่องได้เป็นอย่างดี
2.หนังโปรเม เป็นหนังดราม่าที่เข้มข้นและนักแสดงถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างทรงพลัง
เมื่อเห็นตัวอย่างแรก เรารู้สึกว่าตัวละครพ่อหรือคุณสมบูรณ์ จุฑานุกาล ที่นำแสดงโดยธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ดูจะเล่นใหญ่พอสมควร แต่เมื่อได้ชมบทบาทการแสดงภายในหนังฉบับเต็มก็ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บทนี้จะส่งให้คุณธเนศได้ชิงรางวัลใหญ่สักรางวัลอย่างแน่นอน เพราะตัวละครพ่อเป็นศูนย์กลางของโครงเรื่อง และคุณธเนศก็สามารถคุมตัวละครหรืออาจกล่าวได้ว่าแบกหนังไว้ได้อย่างอยู่หมัด การแสดงที่ผมชอบกลับไม่ใช่การเล่นบทบาทพ่อที่เกรี้ยวกราดอย่างที่เราเห็นในตัวอย่างหนัง แต่กลับเป็นการสื่ออารมณ์ผ่านแววตาในบางฉากที่บีบคั้นความรู้สึกมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ไม่ต้องมีการเอื้อนเอ่ยวาจา แต่เราสามารถรับรู้ถึงความรู้สึก และความคิดของตัวละครพ่อได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้น บทแม่เปิ้ล นฤมล จุฑานุกาล ที่รับบทโดยหัทยา วงศ์กระจ่าง ก็สามารถเล่นตอบโต้กับพ่อได้ดี แม้จะบทจะส่งให้น้อยไปหน่อย ขณะที่คริซซี่-กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์ ในบทโปรเม และ ปริม-อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร ในบทโปรโม ก็สามารถแสดงอิงตามต้นฉบับได้ดี ทำให้เชื่อว่าเป็นนักกอล์ฟ โดยเฉพาะคริซซี่ที่มีหลายอากัปกิริยา ท่าเดิน วงสวิงที่ทำให้นึกถึงโปรเมอยู่เหมือนกัน ส่วนที่น่าเสียดายคือบทโปรโมที่บทส่งให้จับไม้กอล์ฟน้อยมาก ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาว-น้องสาวสามารถเล่นได้มากกว่านี้ มีหลายประเด็นที่น่าหยิบมาเล่น ทั้งความเป็นผู้ใหญ่ของโปรโม ความแก่นของโปรเม (อันนี้หนังเล่าได้ดีช่วงต้น ล่าสุดเพิ่งเห็นโปรเมพังห้องนอนพี่สาวไป) และการมีกันและกันในช่วงที่โปรเมต้องเผชิญกับปัญหาบาดเจ็บและตกรอบติดต่อกัน 10 รายการ แต่ก็เข้าใจเพราะหนังมีเวลาจำกัด การมีซับพล็อตมากเกินไปอาจทำร้ายโครงเรื่องหลัก แต่ก็อดเสียดายบทโปรโมมาก ๆ เพราะเธอก็เป็นนักกอล์ฟชั้นยอดเหมือนกัน โดยเฉพาะ Mentality ที่ผมคิดว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยให้โปรเม น้องสาวฝ่าฟันช่วงเวลายากลำบากไปได้สำเร็จ
3.หนังโปรเม ไม่ใข่หนังชีวประวัติ แต่ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตของ ‘นักสู้’ ที่บังเอิญเป็น ‘นักกอล์ฟ’
ผู้กำกับเลือกหยิบยกฉากชีวิตที่สำคัญของโปรเมและครอบครัวจุฑานุกาลขึ้นมาเล่าเพื่อชี้ให้เห็นว่าการสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ในระดับ LPGA Tour, เป็นนักกอล์ฟไทยคนแรก ชายหรือหญิงที่คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ (เทียบเท่าแกรนด์สแลมของเทนนิส) และเป็นนักกอล์ฟไทยคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์หมายเลข 1 ของโลก (สู้กับชาติมหาอำนาจทั่วโลก) ได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือกรุยทางมาด้วยกลีบกุหลาบ หากเต็มไปด้วยบาดแผล รอยขีดข่วน ความกดดัน ความเจ็บช้ำน้ำใจจากการถูกแฟนกอล์ฟตำหนิ ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับคนในครอบครัว ตลอดจนช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิต ถ้าแข่งกอล์ฟไม่รุ่งก็คือจบข่าวเลย
นี่จึงไม่ใช่หนังชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตแบบขั้นบันได แต่เป็นหนังที่ฉายให้เห็นความบากบั่นของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ต้องตื่นตีสี่มาออกกำลังกายสร้างความแข็งแกร่งทุกวัน ต้องออกจากห้องเรียนครึ่งวันเพื่อมาซ้อมกอล์ฟ และต้องเสียสละชีวิตส่วนตัว โอกาสในการใช้ช่วงเวลาวัยรุ่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เพื่อไล่ล่าไขว่คว้าความฝันมาครอง และเธอก็ทำได้สำเร็จเมื่อสามารถทำในสิ่งที่เป็นทั้งความใฝ่ฝัน สิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และสิ่งที่หลายคน แม้แต่คนในครอบครัวปรามาสไว้อย่างการคว้ามือหนึ่งของโลกมาครองได้ นี่จึงเป็นหนังของ ‘นักสู้’ ที่ไม่ยอมให้อุปสรรค อาการบาดเจ็บ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ และอำนาจของคนในครอบครัวมาเป็นเงื่อนไขขัดขวางการมุ่งมั่นบนเส้นทางแฟร์เวย์ชีวิตที่เธอเป็นผู้กำหนดเอง
นี่จึงเป็นหนังที่เหมาะสมกับคนทุกวัย เด็ก วัยรุ่นหรือคนมีฝันมาดูก็ได้กำลังใจและไฟฝัน (ผมดีใจเห็นน้องนักเรียนหญิงวัย ม.ต้นจูงมือกันมานั่งดู ปลื้มแทนโปรเม โปรโมจริงๆ) สำหรับผู้ปกครองก็ดูเพื่อสะท้อนกลับมาที่ตนเองได้เหมือนกันว่าเราพร้อมที่จะจ่ายราคาค่างวดให้กับสิ่งที่เราเคี่ยวเข็ญให้ลูกของเราเป็นอย่างที่เราต้องการหรือไม่ เพราะนี่คือมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่หุ่นยนต์หรือตุ๊กตาของเล่น
4.หนังโปรเม เป็นหนังที่ทำให้เรารู้จักโปรเม และครอบครัวจุฑานุกาลมากขึ้น
หนังโปรเมเป็นหนังไทยที่มี Cameo เยอะมากที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ผมเคยชมมา คนที่คุ้นเคยกับแวดวงกีฬากอล์ฟมาบ้างก็คงพอจะเดาออกว่าตัวละครในเรื่องแต่ละคนอิงคนต้นแบบมาจากใคร ซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีตัวตนจริงและเป็นคนรอบข้างที่คอยสนับสนุนโปรเม และครอบครัวจุฑานุกาลมาตั้งแต่ก้าวแรกในแฟร์เวย์ชีวิต ล้วนถึงผู้สื่อข่าวและนักพากย์กอล์ฟหลายคนที่มาเล่นเป็นตัวเองก็ทำให้แอบขำเล็กน้อยรู้สึกเหมือนมานั่งดูกอล์ฟในโรงหนังอย่างไรอย่างนั้น ที่สำคัญคือหนังมีวิธีที่ถ่ายทอดกติกาและรูปแบบการเล่นกอล์ฟให้คนที่ไม่เคยสัมผัสกับกีฬากอล์ฟมาก่อนเข้าใจได้ง่าย แต่นั่นก็ไม่ใช่ส่วนสำคัญของหนัง เพราะหนังจะมีฉากที่เป็นกอล์ฟเพียว ๆ แค่เพียงช่วงท้ายที่เป็นไคลแมกซ์ของหนังเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้ผมกลับมานั่งค้นว่าใครเป็นนักกอล์ฟต้นฉบับของคู่แข่งโปรเมในหนัง แต่ก็คิดว่าในช่วงเวลานั้นคงไม่มีใครเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อมากไปกว่า Lydia Ko ซึ่งตอนนี้ก็ประสบวิกฤติฟอร์มตกไปมากพอสมควรเหมือนกัน
โดยรวมแล้ว หนังโปรเมทำให้รู้จักโปรเมมากขึ้นจากที่ตามจากสื่อต่าง ๆ และการอ่านคำให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะวิธีคิดของโปรเมที่แน่นอนว่ามีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แม้จะมีมุมขี้เล่นอยู่มาก แต่รอยยิ้มและทัศนคติในการเล่นที่ได้รับการพัฒนาโดยโค้ชด้าน Mentality; Pia Nilsson and Lynn Marriott จาก Vision54 ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้โปรเมประสบความสำเร็จในการเล่น ด้วยการสร้างบรรยากาศของความสุขในทุกช็อตการเล่น จึงเป็นที่มาของรอยยิ้มที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของโปรเม และช่วยชี้ให้เราเห็นความสำคัญของการมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าการทำงานอะไร การคิดบวกจะช่วยให้เราทำงานดีขึ้นไม่มากก็น้อย
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ประวัติ จีน อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสมัครเล่น หมายเลข 1 ของโลก
- 5 เหตุผลที่ ‘จีน’ อาฒยา ฐิติกุล จะเป็นนักกอล์ฟไทยหมายเลข 1 ของโลกคนต่อไป
- 15 สนามกอล์ฟราคาถูกที่สุดในประเทศไทย
- 7 สนามกอล์ฟที่ได้ชื่อว่าผีดุที่สุดในโลก
- 5 ร้านไม้กอล์ฟมือสองลดราคาในกรุงโตเกียว ญี่ปุ่น
- 5 ร้านไม้กอล์ฟมือสองราคาถูกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
-
10 ข้อต้องรู้! ประวัติ ‘โปรเหมียว’ แพตตี้ (ปภังกร) ธวัชธนกิจ แชมป์ Symetra Tour วัย 19 ปี!
5.หนังโปรเม เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องฉับไว ไม่น่าเบื่อ มีซีนที่น่าจดจำหลายฉาก
ข้อกังวลใจของผมก่อนเข้าไปดูหนังโปรเมอย่างหนึ่งคือกลัวว่าหนังจะพยายามยัดเยียดชีวประวัติหรือจงใจใส่คุณธรรมคำสอนเข้าไปมากเกินเหตุจนเสียอรรถรส และหมดความเป็นศิลปะไปจนกลายเป็นเหมือนละครสอนใจไป โชคดีที่หนังโปรเมไม่ได้พยายามทำตัวเองเป็นหนังโปรโมตความเป็นไทยหรือเชิดชูความสำเร็จของคนไทยมากจนเกินงาม แต่การเล่าเรื่องด้วยการหยิบยกจุดผลิกผันสำคัญในชีวิตของโปรเมมาเปิดเรื่อง เป็นการนำเสนอภาพแรกของโปรเมให้ผู้ชมรู้จักคือโปรเมในฐานะนักกอล์ฟที่ล้มเหลว นักกอล์ฟที่ทำให้แฟนกอล์ฟชาวไทยผิดหวัง ลูกสาวที่ทำไม่ได้ดั่งใจพ่อ และนักกอล์ฟที่เสียศรัทธาในตัวเอง ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในชีวิตของตัวละครก่อนที่จะฉายให้เห็นว่าโปรเมพาตัวเองมาอยู่ในจุดนั้นได้อย่างไร แล้วลุกขึ้นต่อสู้ ผลักดันตนเองขึ้นจากหลุมอันมืดมนที่หลายคนปรามาสว่าความล้มเหลวสำคัญในชีวิตจะเป็นตราบาปติดตัวที่เธอไม่มีวันก้าวพ้น
แต่หนังก็ฉายให้เห็นว่าโปรเมพยายามบากบั่น ทุ่มเท บ่มเพาะตนเองเพื่อก้าวพ้นอุปสรรคและขีดจำกัดไม่ใช่แค่ในทางกายภาพร่างกาย แต่ยังรวมถึงสภาพจิตใจที่ต้องต่อสู้ทั้งวิกฤติศรัทธาในตัวเอง ความขัดแย้งกับพ่อ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนกอล์ฟชาวไทยที่แสดงความเห็นทั้งในเชิงให้กำลังใจและบั่นทอนความรู้สึก กระทั่งสามารถผงาดขึ้นมาจากความล้มเหลวและปีนขึ้นสู่ยอดสูงสุดของความฝันได้เป็นผลสำเร็จ เป็นตำนานของนักกอล์ฟไทยที่ยังคงมีโอกาสเดินหน้าทำลายสถิติและยกระดับกอล์ฟไทยในเวทีนานาชาติร่วมกับพี่สาวและนักกอล์ฟรุ่นใหม่ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ที่สำคัญคือกลุ่มเป้าหมายของหนังโปรเมคือนักกอล์ฟรุ่นน้อง นักกีฬารุ่นใหม่ และกลุ่มคนมีฝันที่จะเข้ามาเก็บเกี่ยวแรงบันดาลใจและพลังไฟฝันซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่รู้สึกได้ เพื่อกลับไปไขว่คว้าทำความฝันให้เป็นจริงด้วยวิถีทางของตนเอง ไม่มีวิธีการใดที่ได้ผลหรือล้มเหลว 100% ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ไม่มีความสำเร็จใดได้มาอย่างง่ายดาย ทุกชัยชนะมีราคาค่างวดของมันเสมอ และทุกความล้มเหลวมีโอกาสมีโอกาสที่ผู้แพ้จะพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะเสมอ เหมือนเช่นที่ตัวละคนของคุณพิษณุ นิลกลัด บอกกับโปรเมหลังจากโศกนาฏกรรมที่ทุกคนอยากลืมใน Honda LPGA 2013
“ไม่เป็นไรนะลูก สักวันหนึ่งจะต้องเป็นวันของเรา”
หนังโปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง เข้าฉายพร้อมกันในวันที่ 15 สิงหาคม ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมรอบ Sneak Peak ซึ่งฉายแบบจำกัดโรงได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคมเป็นต้นไป
คลิกเพื่อชมตัวอย่างหนัง
Tags: หนังโปรเม รีวิว, รีวิว หนังโปรเม, หนังโปรเม, หนังโปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง, โปรเม, เอรียา จุฑานุกาล, โมรียา จุฑานุกาล, Transformation Films, กอล์ฟ, Lpga, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ , หัทยา วงษ์กระจ่าง , คริซซี่ กฤษณ์สิรี, สุขสวัสดิ์ ปริม อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร